Thursday, May 05, 2011

“จุรินทร์” เผยคณะรัฐมนตรี อนุมัติงบเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย วงเงิน 4,200 ล้านบาท

วันนี้ (4 พฤษภาคม 2554) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีค่าตอบแทนพิเศษหรือที่เรียกว่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งที่มาของเรื่องนี้คือเมื่อปี2551และปี 2552 กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความเห็นชอบให้สถานบริการทุกแห่งสามารถที่จะนำเงินบำรุงมาจ่ายเป็นค่าตอบแทนพิเศษหรือเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายให้เจ้าหน้าที่ได้ โดยให้ดูจากเงื่อนไข จากสภาพความทุรกันดารของพื้นที่ ประกอบกับอายุงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานนั้นๆ เป็นเกณฑ์หลัก
ต่อมาในปี2553 รัฐบาลได้จัดงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมเรื่องค่าตอบแทนพิเศษให้ นอกจากการใช้เงินบำรุงอย่างเดียว โดยจัดงบให้จำนวน 2,870 ล้านบาท แต่จะให้เฉพาะการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ในสถานีอนามัยและโรงพยาบาลชุมชนเท่านั้น ส่วนโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปให้ใช้เงินบำรุงเช่นเดิม

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับในปี 2554 นี้ ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการแล้วเมื่อวานนี้(3 พฤษภาคม 2554) โดยเห็นชอบในหลักการอนุมัติวงเงิน 4,200 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าตอบแทนพิเศษหรือเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ให้กับทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล/ โรงพยาบาลชุมชน/ โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ หากไม่พอจึงให้ไปใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลนั้นๆ มั่นใจว่าจะช่วยให้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯที่รอคอยเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 สามารถจะได้รับเงินก้อนนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วนในปี 2555 จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทบทวนใหม่ทั้งระบบอีกครั้ง ทั้งนี้ โดยปกติเจ้าหน้าที่จะมีรายได้มาจาก 3 ส่วนคือเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และค่าวิชาชีพ ส่วนที่จะเพิ่มเติมขึ้นมาก็คือค่าตอบแทนพิเศษหรือเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย







ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งวงเงินค่าตอบแทนพิเศษไว้ที่ 6,100 ล้านบาท แต่ได้เสนอวงเงินค่าตอบแทนพิเศษ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพียงร้อยละ 70 ที่ตั้งไว้คือจำนวน 4,200 ล้านบาท และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน สำหรับการบริหารจัดการงบประมาณก้อนนี้ จะได้คุยกันในรายละเอียดอีกครั้ง โดยจะดูแลให้เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเกิดความสามัคคีในกระทรวงสาธารณสุข

No comments: