Wednesday, September 07, 2011

“วิทยา” ดันโครงการใกลบ้าน-ใกล้ใจ รองรับหลักประกันถ้วนหน้า

“วิทยา”เร่งพัฒนาระบบริการสาธารณสุขทั้งระบบ โครงการใกล้บ้าน-ใกล้ใจ รองรับหลักประกันถ้วนหน้า เห็นผลใน 6 เดือน ระบบส่งต่อสมบูรณ์แบบใน 2 ปี เตรียมตั้งศูนย์ฮ็อตไลน์ ให้บริการเรื่องลับๆของวัยรุ่น เยาวชน พร้อมเปิดรายการเพื่อสุขภาพช่วงเช้า โดยใช้ภาษาถิ่น ป้องกันไม่ให้คนป่วย เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน



ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) ว่า มีนโยบายเร่งรัดพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ ลดความแออัดผู้ป่วยโรงพยาบาลใหญ่ กระจายงานลงโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล โดยจะนำระบบไอที ระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงงานบริการรักษาถึงกัน ในโครงการสถานพยาบาลใกล้บ้านใกล้ใจ อาจจะมีการเพิ่มคลินิกหรือสถานบริการเพิ่มเติม โดยเฉพาะในชุมชนที่มีประชากรแฝง เข้าไปใช้แรงงานจำนวนมากซึ่งไม่ได้ย้ายทะเบียนตามไปด้วย เพิ่มความสะดวกให้ผู้เจ็บป่วย ไม่ต้องเดินทางไกล และได้รับบริการดูแลรักษามาตรฐานเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาระบบส่วนนี้มีอยู่แล้ว แต่ขาดการเชื่อมโยง ก็จะบูรณาการเข้ากันให้เป็นระบบ รองรับโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงภายใน 6 เดือน และภายใน 2 ปี จะสมบูรณ์แบบทั้งหมด

นายวิทยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้กรมอนามัย เปิดบริการปรึกษาวัยรุ่น เยาวชน ทางสายด่วน ฮ็อตไลน์ และผ่านทางข้อความสั้น ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องลับที่วัยรุ่นไม่กล้าปรึกษาใคร รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วไปทุกเรื่อง เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย ควรทำอย่างไร เป็นการให้คำปรึกษาการดูแลตัวเองเบื้องต้น ช่วยให้ประชาชนดูแลตนเอง ตลอดจนแนะนำการดูแลก่อนไปพบแพทย์
สำหรับการป้องกันควบคุมไม่ให้ป่วยเรื้อรังของประชาชนทั่วไป กระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มช่องทางสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม เป็นรายการเพื่อสุขภาพ โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆเช่น แพทย์แผนไทย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งประชาชนที่ดูแลสุขภาพดีไม่ป่วย ไปให้ความรู้ผ่านทางสื่อที่ใกล้สุด เช่น วิทยุชุมชน เคเบิลทีวี สถานีโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยจะเผยแพร่ในช่วงเช้า เน้นให้ความรู้การดูแลสุขภาพ ลดการป่วยจากโรคเรื้อรังต่างๆ เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกินอาหาร การออกกำลังกายเป็นหลัก โดยใช้ภาษาถิ่นเข้าใจง่าย เนื่องจากขณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งมีประเภทนี้ไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในเรื่องนโยบาย 30 บาทและการดูแลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้ถูกใจประชาชนมากที่สุด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนเรื่องคุณภาพบริการ ทั้งเรื่องยา บุคลากร ผู้ที่เคยได้รับการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม เช่นผู้พิการ ผู้สูงอายุ และอื่นๆ ก็จะคงสิทธิ์การยกเว้นเช่นเดิม ในส่วนของผู้ประกันตนหรือกลุ่มผู้ร่วมจ่าย กระทรวงสาธารณสุขจะปรับปรุงสิทธิประโยชน์ไม่ให้เหลื่อมล้ำกับผู้ป่วยบัตรทอง หากเปรียบเทียบกับบัตรเครดิต ผู้ป่วยในโครงการ 30 บาท เสมือนเป็นผู้ถือบัตรทอง ส่วนผู้ประกันตน ถือบัตรแพล็ตตินัม โดยกระทรวงสาธารณสุขจะหารือร่วมกับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในเดือนนี้

No comments: